ธาดากุสุมา+ปทมาศวรรย์
รู้สึกว่าจะยังเขียนรีวิวไต้หวันไม่เสร็จ ก็แอบมาเขียนเรื่องนี้ก่อน เหตุเพระาเราไปต่อคิวยืมหนังสือในกลุ่ม "ปล่อยของ" เอาไว้ค่า เลยต้องรีบอ่านและรีวิวเป็นการบ้าน
รีวิวนี้ อาจมีสปอยด์บ้าง (ไม่บ้างละ เยอะเลย) และยาวด้วย ตั้งสติก่อนอ่านนะคะ
เอาละ เริ่ม!
อ่านจากคำนำพบว่าหนังสือชุดนี้ เป็นหนังสือซีรีส์ สามเรื่อง สามนักเขียน
ประกอบไปด้วย
1. ธาดากุสุมา (ลูก) โดยคุณณารา
2. ปทมาศวรรย์ (แม่) โดยคุณปิ่นปินัทธ์
3. สร้อยสะบันงา (ยาย) โดย อุมาริการ์ โดยใช้ความรักของแม่เป็นธีม
เริ่มจาก ธาดากุสุมา
เรื่องนี้ดำเนินเรื่องด้วยนางเอกซึ่งก็คือธาดากุสุมา หรือธาร เป็นหลักเลยค่ะ ได้เห็นมุมมองของพระเอก รวิษณุ หรือรวิ น้อยมาก
ธารเป็นคนห้าว ๆ ลุย ฝันอยากเป็นนักข่าว แต่ด้วยบุคลิกที่ไม่เป็นที่น่าประทับใจนัก เธอเลยถอดใจ แต่เพราะเคยมีคน ๆ นึงเคยให้กำลังใจเธอเอาไว้ ทำให้เธอฮึดสู้ ยอมลงทุนเปลี่ยนบุคลิกตัวเอง พัฒนาตนเองจนได้เป็นนักข่าวใน
สำนักข่าวใหญ่ระดับโลก
เราชอบตรงนี้ของเรื่องนะ การที่คนแปลกหน้ามาให้กำลังใจและเอาจุดนี้มาเป็นเครื่องเตือนใจตัวเองเสมอ ไม่ชอบนิดหน่อยตรงที่รวิจำธารไม่ด้ายยย คือจำได้แต่ไม่โฟกัส อยากให้จำได้อ่ะ รู้สึกว่าการที่เราจำใครสักคนได้ แม้ว่าจะไม่ได้เจอเค้าอีกแล้วในอนาคต ไม่รู้ด้วยว่าจะไปตามหาที่ไหน มันหมายความว่า เราให้ความสำคัญมาก ๆ กับคน ๆ นั้น หรือจุดนี้เราอาจจะโลกสวยไปเองคนเดียวหว่า?
ธารเป็นคนเรียนดี ได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ มีความสามารถจนได้เป็นนักข่าวระดับโลก แต่น่าเสียดายที่ความสัมพันธ์ของเธอกับมารดาไม่ค่อยจะลงรอยกันเท่าไหร่ ธารจะสนิทกับยายมากกว่า อันนี้ก็เป็นอีกจุดนึงที่เราติดใจค่ะ เพราะธีมหลักของเรื่องคือ "ความรักของแม่" แต่อ่านไป 3/4 ของเรื่องแล้วเอ่ยถึงแม่น้อยมากกกกกก เอ่ยถึงตอนต้นเรื่องแค่นิดเดียวเท่านั้น และก็โผล่มาตอนท้ายแบบตู้ม ๆ ๆ ยิงรัวจนตั้งตัวไม่ทันเลย
โดยรวม เรารู้สึก นักเขียนทำการบ้านในเรื่องอาชีพของนักข่าวค่อนข้างดีค่ะ อ่านแล้วไม่รู้สึกติดขัดกับสิ่งที่ผู้เขียนสื่อ อาจเป็นเพราะเราไม่ได้อยู่วงการนี้จึงไม่รู้สึกติดขัดอะไร แถมยังได้รู้เรื่องราวของนักข่าวมากขึ้นอีกด้วย ธารนี่เลือดนักข่าวข้นมากค่ะ ข้นจนทำเอาตัวเองต้องไปตกอยู่ในอันตราย แต่หล่อนก็ได้ใจรวิษณุไปนะยะ จุดนี้อิจค่ะ!
ส่วนเรื่องภูมิประเทศ อีกนิดเดียวจะเชื่อละว่าประเทศนี้มีจริง (หนูเชื่อคนง่ายค่ะแม่ 5555)
หลัง ๆ พระ-นาง งอนกันบ่อยเกิน คิดอะไรก็ไม่ยอมคุยกัน งอนกันไปมา เสียใจมันน่านัก!
ต่อด้วย ปทมาศวรรย์ เลยโนะ
พออ่านเล่มนี้แล้วรู้สึกเลยว่ามีเนื้อหาบางอย่างที่อ่านแล้วรู้สึกขัดกันหลายจุดมาก ๆ เดี๋ยวเล่าเป็นจุด ๆ ไป ไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่าเราอ่านไม่ละเอียดหรือเปล่า ถ้าเราอ่านตรงไหนตกไป แย้งได้นะคะเล่มนี้อ่านแรก ๆ เบื่อ ๆ ไม่ค่อยอิน อาจเป็นเพราะเค้าพูดถึงเรื่องการเมืองซึ่งเราไม่ค่อยสนใจเลยทำให้เบื่อก็ไม่รู้ แต่รู้สึกไม่ค่อยดึงดูด สารภาพว่าช่วงนี้แอบอ่านผ่าน ๆ รู้อีกทีคือ ม.ร.ว. ปทมาศวรรย์หนีเข้าป่าละ สิ่งที่รู้สึกได้ชัดเจนคือ เธอเป็นคนเก่งค่ะ รู้จักเอาตัวรอดในสถานการณ์ต่าง ๆได้ดี แม้ว่าตนเองจะตกระกำลำบากถึงขีดสุดก็ไม่เคยปริปากบ่น ไม่เคยตัดพ้อต่อว่าโชคชะตา ด้วยความที่ว่าเธอเองยังเป็นเด็ก เธอคิดอยู่เสมอว่าเพราะความหัวรั้นและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเธอทำให้เธอเป็นอย่างทุกวันนี้ ชอบตรงนี้มาก ๆ ค่ะแต่เล่มนี้อ่านแล้วรู้สึกได้เลยว่า ปทมาศวรรย์รักแม่มาก ทุกครั้งที่มีปัญหาสิ่งที่แรกที่เธอนึกถึงคือแม่ เจอประโยค "คุณแม่ขา.." หลายครั้งมาก
คุณพ่อ คุณแม่ คุณยาย น้องชาย ครอบครัว เป็นอะไรที่ปทมาศวรรย์นึกถึงอยู่ตลอดเวลา รู้สึกได้เลยว่าเติบโตมาในครอบครัวที่อบอุ่นและได้รับการเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี ตอนต้นเรื่องจะมีบอกไว้เสมอว่าหญิงปัทม์เป็นคุณหนูไม่เคยแม้แต่จะจับไม้กวาด เป็นไข่ในหิน สิ่งที่ต้องรับผิดชอบมีอย่างเดียวคือเรื่องเรียน ไม่เคยต้องรับผิดชอบเรื่องใด ๆ มาก่อนเลย อบอุ่นดีค่ะ
มาทางพระเอกของเรา พี่สิงห์ อีตาคนนี้ก็เก่งเหลือเกิ๊นน อะไรจะหล่อมาดแมน แฮนซั่มมากมายขนาดนี้ เพอร์เฟกต์จริม ๆ พูดได้หลายภาษาแถมมีอารมณ์สุนทรีอีกต่างหากก ปลื้มจุงง ชอบคนเก่งภาษา เพราะเรากากภาษา ได้แต่ภาษาไทยอย่างเดียว 5555 ชอบโมนเมนต์ที่พี่สิงห์แกวาดรูป บันทึกทุกช่วงเวลาที่ได้อยู่ร่วมกับหญิงปัทม์เอาไว้ น่ารักม้ากๆๆๆๆ ขอกรี๊ดหน่อย ปกติจะมีแต่ผู้หญิงที่ทำอะไรมุ้งมิ้งแบบนี้ เจอผู้ชายทำบ้างพี่ไปไม่เป็นเลยครับ
มาถึงอีกจุดที่รู้สึกขัด ๆ คือ ตอนที่หญิงปัทม์เล่าให้ธารฟังเกี่ยวกับเรื่องคุณพ่อ ชี้แจงว่าทำไมเธอถึงไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ไม่ค่อยได้คุยกับธาร เพราะว่าเธอจะต้องมาอยู่ที่ภราห์มปุระกับพี่สิงห์ แต่ในธาดากุสุมา ตอนที่หญิงปัทม์มาภราห์มปุระมีการรำพึงรำพันเล็ก ๆ ว่า ที่นี่ไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเลย อะไรหว่า? ถ้าไป ๆ มา ๆ เรื่อย ๆ ก็ไม่น่าจะรำพึงแบบนี้ป่าว?
อะไรต่ออีกหว่าา นึกไม่ค่อยออกแล้ว แต่ตอนอ่านจบนี่คำถามพรั่งพรูมาก เราเป็นงี้ตลอดเลยเวลาอ่านนิยายภาคต่อหรือนิยายที่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวข้องกัน เป็นแบบนี้ครั้งนึงตอนอ่านอัสวัดกับเส้นทรายสีเงา อึดอัดมาก เครียดระดับสิบ แถมมีคำถามมากมายผุดพรายในใจ 5555
นี่ไม่เหมือนรีวิวเลย เหมือนเขียนระบายมากกว่า 5555 ใครอ่านแล้วรู้สึกยังไง แชร์กันโหน่ยย
ขอบคุณเพื่อน ๆ ในห้องปล่อยของมากค่ะ ที่ส่งต่อหนังสือดี ๆ ให้อ่าน
Comments
Post a Comment