Taipei 1st Time ทริปทุลักทุเล ตอนที่ 1

สวัสดีค่า ไม่ได้เขียนบล็อกมานานมากก กลับมาครั้งนี้พร้อมเรื่องเล่าใหม่ ไปไต้หวันกับเพื่อนครั้งแรก! 

ทริปนี้เริ่มต้นเพราะเพื่อนของเราคนหนึ่งค่ะ นางมีโอกาสไปทำงานที่ไต้หวัน การไปไต้หวันครั้งนี้หลัก ๆ ก็คือไปหานาง จองตั๋วกันตั้งแต่ช่วงต้น ๆ ปี 58 แต่ออกเดินทางจริง ๆ ปลายปีค่ะ วันเดินทางคือ 24 กันยายน 2558-28 กันยายน 2558 รวม 5 วัน

พูดได้เต็มปากเลยว่าทริปนี้เป็นทริปทุลักทุเลของจริง

**ในบันทึกอาจมีคำหยาบหลุดมาบ้างขออภัยด้วยนะคะ ถือว่าเหมือนเพื่อนมาเล่าเรื่องให้ฟังสนุก ๆ แล้วกันเน้อ

ขอวีซ่า


เริ่มจากวันแรกที่ทำเรื่องเดินทาง เรานัดกับเพื่อนไปทำวีซ่าที่ตึกเอ็มไพร์ทาวเวอร์ จำได้แม่นว่าเป็นวันที่ 4 กันยา 58 เพราะเป็นวันเกิดเจ้านาย 55555 ออกเดินทางจากแอร์พอร์ตลิ้งหัวหมาก ไปลงสถานีพญาไท แล้วต่อบีทีเอสไปลงที่สถานีช่องนนทรี กว่าจะหาตึกเจอก็เดินหลงทางเดินไปแทบทุกทางออก ก่อนเข้าตึกต้องแลกบัตรด้วยค่ะ ยื่นบัตรประชาชนหรือพาสปอตและแจ้งเขาว่ามาทำวีซ่า ตึกนี้มีลิฟต์ 3 แบบ High Zone, Middle Zone, Low Zone สำหรับขึ้นชั้นที่ความสูงต่างกัน ก่อนขึ้นดูลิฟต์ดี ๆ ก่อนนะคะ รอบแรกเรากับเพื่อนขึ้นผิด ลิฟต์ไฮสปีด พุ่งขึ้นไปชั้น 40 มองตาปริบๆ อ้าวทำไมไม่จอดชั้น 20 อะ 55555

เอกสารสำหรับการขอวีซ่าของลงไว้คร่าว ๆ ประมาณนี้นะคะ
1. แบบฟอร์มวีซ่า กรอกในเว็บแล้วปริ้นต์ไป https://visawebapp.boca.gov.tw ขั้นตอนการกรอกเราดูจากทู้นี้ค่ะ http://pantip.com/topic/32934941
2. รูปถ่าย 2x2 นิ้ว พื้นหลังขาว 2 ใบ ถ่ายมาไม่เกิน 6 เดือน
3. พาสปอร์ต เหลืออายุไม่น้อยกว่า 6 เดือน
4. สำเนาทะเบียนบ้าน
5. สำเนาบัตรประชาชน
6. พาสปอร์ตตัวจริง+สำเนา
7. เอกสารทางการเงิน อันนี้ถ้าใครอัพบุคแบงค์ตลอด ถ่ายเอกสารไปได้ค่ะ เรามีเงินติดบัญชีประมาณหมื่นปลายๆ และยื่นหนังสือรับรองทางการเงินจาก ME by TMB แนบไปด้วยค่ะ หากกังวลเรื่องเงินให้แนบเอกสารของพ่อ-แม่แนบไปด้วยได้นะคะ เรากลัวของเราไม่ผ่านเหมือนกัน แนบของแม่ไปซะชุดใหญ่เลย 55555
8. หนังสือรับรองการทำงาน
9. แพลนเที่ยวในไต้หวัน อันนี้สุมหัววางแผนกับเพื่อนไม่ได้หลับได้นอน เพราะเมื่อเราได้ข้อสรุป เราก็มักจะมีที่ใหม่ขึ้นมาในหัวข้อเสมอ อยากตัดอะไรออกก็ไม่ได้ตัดสักอย่าง แต่พอถึงวันไปจริงๆ ตัดออกเกือบทุกอย่าง เพราะไปไม่ทัน 5555 ทริปของเราจะยึดสายรถไฟฟ้าเป็นหลักค่ะ


10. ใบจองโรงแรม หรือที่พักในไต้หวัน เพื่อนจัดการให้ค่ะ สามารถหาได้ที่ Airbnb.com
11. ใบจองตั๋วเครื่องบิน เพื่อนจองให้เหมือนกัน 555 เราไปไทเกอร์แอร์ค่ะ ค่าตั๋วไปกลับบวกน้ำหนักขากลับสิบห้าโล รวมแล้ว 4950 บาทเอง ถูกมาก ๆ
12. เงิน 1500 บาท ค่าธรรมเนียมวีซ่า ถามเจ้าหน้าที่มาแล้ว ยังไม่มีนโยบายการฟรีวีซ่าน้าา

พอไปถึงก็สายมากแล้ว (ประมาณสิบโมง) คนทะลักสถานฑูต แทบไม่มีที่นั่ง เดินกันขวักไขว่มาก พอตรวจกระเป๋าเสร็จให้รีบพุ่งตัวไปหาลุงที่นั่งโต๊ะไม้หน้าประตู ลุงที่กดคิวจะเป็นคนเรียงเอกสารให้เรา คอยบอกว่าควรทำอะไรเพิ่มเติม เรากับเพื่อนได้คิว 60 ปลาย ๆ  จากนั้นก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของเวลาค่ะ นั่งรอไปจนกว่าจะถึงคิว นานมัก ๆ

ระหว่างนั้นเราก็นั่งนั่งรอไปสักพักทุกสิ่งก็ตกอยู่ในความมืด ไฟดับ! WTF!!!! ใครใช้ให้มันมาดับวันนี้! จริง ๆ มันไม่ควรจะดับด้วยซ้ำ! ดับแบบไม่มีทีท่าว่าจะติด ทางสถานทูตต้องเลื่อนการยื่นเอกสารไปเรื่อย ๆ ไม่มีกำหนดจนกว่าไฟจะมา นั่งรอไปสักพัก เริ่มหิว 5555 เรากับเพื่อนเลยตัดสินใจว่าเอาวะ ไปหาอะไรกินก่อนแล้วค่อยกลับมารอใหม่ แต่ตูจะลงจากตึกไง? ไปถามเจ้าหน้าที่ เขาแจ้งว่าสามารถลงลิฟต์ได้ แต่เราไม่มั่นใจในลิฟต์ กลัวจะไปติดในลิฟต์อีกรอบ ไม่ไหวละมั้ง ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ละ เดินก็ได้วะ เดินลงจากตึกชั้น 20 เพื่อไปออกชั้นใต้ดินคร้าบบบบ 555555555 สุดทรหดจริงวุ้ยยย เริ่มแรกก็ทุกลักทุเลละทริปนี้ จะรอดมั๊ยยย

พอออกจากตึกได้ก็พบปัญหาใหม่ คือ บริเวณรอบ ๆ ตึกเอ็มไพร์ไม่มีห้างเลย มีแต่ตึกทำงาน ซึ่งเราก็ไม่รู้จะไปนั่งเล่นที่ไหน เดินไปไกลถึงสี่แยกอะไรไม่รู้ สุดท้ายไปนั่งกินสเต้กให้หายหิว พอใกล้ ๆ บ่ายโมงเราก็กลับไปที่สถานฑูตเหมือนเดิม อีก 5 คิวถึงคิวเรา โชคดีที่ยังไม่เกินคิว ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเกินคิวอีก เราจะต้องไปถึงเมื่อไหร่~~ 

วันไปยื่นเอกสารก็ว่านานแล้ว วันไปรับก็นานเหมือนกันจ้า เปิดให้รับคิวตอนบ่ายครึ่งแต่เริ่มแจกจริง ๆ บ่ายสองค่ะ เรารอถึง 4 โมงกว่า ถึงจะได้คิว นานมากกกก หลับไปหลายตื่นยังไม่ถึงคิวตูเลย อยากให้แก้ไขตรงจุดนี้ ทำยังไงก็ได้ให้มันเร็วกว่านี้หน่อย ไม่งั้นคนที่มีธุระอื่น ๆ ก็ไปทำธุระไม่ได้เลย

ขอเล่าไปเรื่อยๆนะคะ นึกตรงไหนได้จะมาเพิ่มให้ เป็นมนุษย์ชอบเล่า จนเพื่อนรำคาญกันหมดละ 5555 อยากรู้ตรงไหนเพิ่มเติมคอมเมนต์สอบถามได้ค่ะ ถ้าตอบได้จะตอบ ถ้าตอบไม่ได้จะช่วยหาข้อมูลให้ค่ะ


ออกเดินทาง!!


เริ่มต้นที่สนามบินดอนเมือง ด้วยความที่เราไม่ได้จองที่นั่ง เลยต้องรีบไปเช็คอินต่อกัน เพื่อที่จะได้นั่งด้วยกัน  เรื่องก็เกิดขึ้นตอนเช็คอินนี่แหละ คือฉันจัดกระเป๋าไปใบใหญ่มากแก แต่จำอะไรได้ไหมคะ ที่เราบอกว่า เพื่อนเราจองตั๋วให้แบบไม่มีน้ำหนักขาไป!! คือไม่ได้สำเหนียกเล้ยยว่าตัวเองไม่มีน้ำหนัก จัดกระเป๋าไปใบใหญ่บึ้มม แถมจองตั๋วคนเดียวไม่ได้บุ๊ครวมกับเพื่อนอีก เอาไปเฉลี่ยกับใครก็ไม่ได้ เราเลยถามเจ้าหน้าที่ว่า ถ้าซื้อน้ำหนักตอนนี้ต้องจ่ายเท่าไหร่คะ เจ้าหน้าที่บอกว่า 1390 บาทค่ะ #ตายแปป ได้ตั๋วถูก แต่มาตายน้ำตื้นตรงค่าน้ำหนัก ตอนนั้นเกือบจิควักตังจ่ายละ ไม่รู้จะทำไง สุดท้ายเพื่อนบอกว่า ของแกก็ไม่มีไรมากนิ ก็เลยแกะเป๋าแบกของขึ้นเครื่องจ้า สภาพตอนนั้นทุเรศทุรังมากแกะเป๋าเอาของยัดใส่เป๋าเพื่อน แล้วเอากระเป๋าเปล่าโหลดใส่เครื่องไปกับเพื่อนอีกคนที่ซื้อน้ำหนัก 20 โล กระเป๋าเปล่า ๆ ของชั้นมีน้ำหนักเกือบ 11 โลค่ะ  (ไม่เปล่าเท่าไหร่ มีน้ำจิ้มซีฟู้ดกับผงปรุงรส คนอร์ รสดี และอื่น ๆ ประมาณสิบห่อ เอาไปฝากเพื่อนที่นู่น) 


นี่เป็นรูปเดียวที่เพื่อนถ่ายไว้แบบเบลอ ๆ

เมื่อภารกิจโหลดกระเป๋าผ่านไปด้วยดี (มั้ง) ก็โทรไปหาคนไกลที่อยู่นู่นนน บอกว่า มึ้งงงงงกูต้องแกะเป๋า สภาพอนาถมากก ทำไมมึงไม่ซื้อน้ำหนักให้กูววว มันบอกว่า กูบอกมึงละนะว่าให้หิ้วขึ้นเครื่อง คือเป๋ากูใบใหญ่อ่ะ หิ้วไม่ได้ว้อยย ต้องโหลดเท่านั้น ตอนนั้นแบบว่าตาใสไม่เข้าใจมาก อย่าว่าหนูเลย หนูไม่รู้จริงๆ T-T ตอนนี้จำแม่นเลยครับ นี่ละผลของการไม่เคยไปไหนมาไหนด้วยตัวเอง ไปทัวร์มันสบายบรื๋อสะดือโบ๋ แต่ก็เอาหน่า ยังไงก็ผ่านมาแล้วด้วยดี ขากลับตูมี 15 โลว้อย พร้อม!


ทีมตั่วเฮีย พร้อมบินครับโผมมม
มีคนไกลอยู่ในมือถือด้วยน้าาา เห็นกันป่าวว


นี่เขียนไปขาออกอยู่นะ ไม่ได้ทำไรผิด
เฉพาะเขียนใบตม.นี่เขียนผิดคนละ 3 รอบ วิ่งไปขอใบใหม่จนพนักงานเคาท์เตอร์เอือม 555
และเราคนเดียว เขียนใบผิดเป็นไปขาเข้า ผ่านตมเข้าไปแล้ว พนักงานเรียกกลับมาเขียนใหม่อีกรอบจ้า 

โหลดเป๋าเสร็จก็เดินเข้าเกทรอขึ้นเครื่อง ระหว่างรอก็งัดอาวุธมาประชันกัน นี่มันทริปอะไรกันหนอ จัดเต็มขนาดนี้


ในกองนี้เฉพาะของเราคนเดียว มี 3 อัน 5555555

ด้วยความประหยัด ทำให้เราไม่ได้ซื้ออาหารสำหรับกินบนเครื่อง ผลคือ หิวววววว เพราะถึงเราจะไม่สั่งคนอื่นก็สั่งจ้าา เจ๊คนที่นั่งเยื้องทีมเราไปแถวนึง แกสั่งไก่นิวออลีนส์ กลิ่นหอมมากก ระหว่างที่เจ๊แกกินไป เด็กไทยหกคนก็นั่งตาปริบ ๆ ท้องร้องโจ๊ก ๆ มองหน้ากันแล้วพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หิว..ว้อยยยย อย่าให้ลงเครื่องนะ ข้าจะกินไก่นิวออลีนส์ทุกจานในโลกใบนี้!



ถึงไทเป!


ถึงไทเปประมาณตีหนึ่ง เพื่อนอ้วนมารับคร้าบบบ คิดถึงมากกกกก อยู่คนเดียวเหงามั๊ยมึงงง พวกกูมาเยี่ยมแล้วววว


ถึงแล้ววว นี่คือจุดนัดพบ

เพื่อนอ้วนมารับบบบ

เราเข้าเมืองโดยรถตู้ค่ะ เพื่อนเราเช่าให้ ราคา 1300 NT หารกันหกคนก็ตกคนละไม่เท่าไหร่ เป็นรถตู้ 9 ที่นั่งใหญ่มากนั่งสบาย คุณลุงคนขับก็น่ารักด้วย ใช้เวลาประมาณ 45 นาที จากสนามบินไปบ้าน




มาถึงไทเปวันแรก เริ่มต้นด้วยการกินข้าวกล่องเซเว่น และหลับตานอนตอนตีสี่... บ้านอยู่ที่ Xinyi Anhe ด้วยความเคารพ อ่านว่า “ซินยี่อันเหอ” นะคะ 5555


มาถึงก็ขี่จักรยานเบย ไทเปตอนกลางคืนเงียบมาก
ไม่มีรถวิ่งขวักไขว่ นาน ๆ จะโผล่มาคันนึง
ชอบจัง





ภายในห้องพักแบ่งเป็นห้องย่อย ๆ 3 ห้อง และมีทุกอย่างที่ห้องพักพึงมี 
เดินออกไปตรงระเบียงมีที่ตากผ้าเป็นซอยแคบ ๆ ใช้สอยพื้นที่ได้มีประสิทธิภาพมาก ๆ
รูปห้องพักมีไม่เยอะขออภัยด้วยค่ะ ไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะมาเขียน แหะ ๆ

วันที่สอง ในไทเป


ด้วยความกลัวไม่ได้เที่ยว วันที่สองรีบตื่นตั้งแต่ 7 โมง 9 โมงทุกคนก็พร้อมลุย ออกไปถึง ห้างยังไม่เปิดจ้า 555555 ไม่มีที่ไหนเปิดเลย ที่ไต้หวันกว่าห้างร้านรวงจะเปิดก็ประมาณ 11 โมง เราไปเช้าเกินไป  วันนี้เพื่อนเราไปด้วยไม่ได้ติดงาน นางเลยพาเราไปซื้อตั๋วรถไฟไต้ดินแบบ One Day Pass ใช้ขึ้นรถไฟใต้ดินได้ไม่อั้น ราคา 150 NT แล้วนางจะตามมาทีหลัง พวกเราต้องอาศัย Google Maps ช่วยชีวิตกันไปก่อน

เดินออกมาจากบ้านก็จะเจอถนนนี้เลย

ออกสตาร์ทที่นี่แหละ

ที่สถานีรถไฟฟ้ามีตู้ยืมหนังสืออัตโนมัติด้วย อยู่ตรงบันไดเลื่อนเลย ลงมาก็เจอทันที
ถ้าอ่านออกอยากจะลองยืมสักเล่ม  อยากให้ประเทศเรามีแบบนี้บ้างจัง

แปะภาพไว้เป็นข้อมูลค่ะ บัตรรถไฟฟ้ามีหลายแบบ
บัตรที่เราซื้อคือช่องที่ 3 ราคา 150 NT  ใช้ขึ้นรถ MRT ได้ไม่อั้นใน 1 วัน 
ช่องที่ 4 คือบัตร One Day Pass แบบใช้ได้ไม่อั้นเช่นกัน
พิเศษกว่าตรงที่สามารถใช้ขึ้น MRT และ รถเมล์ (เฉพาะยี่ห้อเดียวกับรถไฟฟ้า) ได้ไม่อั้น
ภายใน 1 วัน ตั๋วนี้ราคา 180 NT ค่ะ

แผนทีรถไฟฟ้ากับบัตร One Day Pass
แผนที่เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้อย่างยิ่ง เพราะเราเที่ยวตามแนวรถไฟฟ้า

ทางเข้ารถไฟฟ้าบ้านเค้าก็เหมือนบ้านเราเลยเนอะ


ตามแผนของวันนี้คือ เช้าไป Taipei 101 > Taipei Main Station > Kobitos Café > National Palace Museum  (กู้กง) > Beitou Hot Spring > Shi Lin Night Market

เริ่มต้นที่สถานี Xinyi Anhe นั่งรถไฟย้อนกลับไป 1 สถานี ไป Taipei 101 ไปหาซื้อซิมมือถือ (ถ้ามาไฟล์ทเช้าสามารถซื้อที่สนามบินได้เลย แต่เรามาดึกเลยต้องไปหาซื้อตามห้าง) พวกเราใช้ซิมของ Chunghwa ซื้อแพกเกตแบบไม่อั้น 5 วัน 300NT ไม่มีโทร แต่ถ้าซื้อที่สนามบินจะมีโปรโมชั่นเสริมโทรได้.... นาทีเข้ามาด้วย (ไม่แน่ใจว่ากี่นาที ค่าโทรศัพท์ที่ไต้หวันค่อนข้างแพง จำได้ว่าโทรได้แค่ 5 นาทีก็หมดโควต้าละ) เพื่อนเราบอกว่ามีสองค่ายคือ Chunghwa กับ FarEastOne ก็จะมีโปรโมชั่นคล้าย ๆ กันไม่ได้ต่างอะไรมากนัก เลือกอันไหนก็ได้ไม่ผิด



การซื้อซิมที่ไต้หวันจะต้องใช้พาสปอร์ตในการยืนยันตัว ไม่เหมือนบ้านเราที่ซิมมีขายทั่วไป (แต่ตอนนี้บ้านเราก็มีแบบยืนยันตัวแล้วเนอะ) ตรงนี้ใช้เวลานิดนึงนะคะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรามาเยอะหรือพนักงานสับสนกันแน่ ช้ามากกกกก กว่าจะเสร็จ 

ซิมที่เค้าให้มาก็จะตรงกับมือถือของเราเลย ใครใช้ไอโฟนก็จัดนาโนให้ ใครใช้ซัมซุงก็เป็นซิมใหญ่ขนาดปกติ ไม่มีการแถมตัวแปลงให้ แย่จุง อยากได้ตัวแปลงซิมอ่ะ

ออกจากรถไฟฟ้ามาก็จะเจอบันไดนี้
ขอถ่ายรูปโหน่ยยย

Taipei 101

รวมพลถ่ายรูปกันโหน่ย
Xiaomi ทำหน้าทีได้ดีมากลูก

ระหว่างทางที่เดินไปซื้อซิม จะเห็นที่จอดจักรยานเต็มสองข้างทาง เราสามารถยืมจักรยานได้ด้วยบัตร Easy Card ไม่แน่ใจเรื่องรายละเอียดการยืมและค่าเช่านะคะ ทราบแต่ว่าต้องลงทะเบียนบัตรก่อน และคืนได้ทุกจุด ไม่ต้องกลับมาคืนที่เดิม สะดวกสบายมากๆ 
แต่วันนี้เราซื้อบัตร One Day Pass ใช้ร่วมกับจัรยานไม่ได้ อดขี่เบย 


พอเราหาซื้อซิมมือถือได้แล้ว  เราก็ไม่ได้เข้า Taipei 101 แต่พุ่งตรงไป Kobitos Café เลย เพราะหิวข้าว กว่าจะหา Kobitos Café เจอก็เดินหลงทางไปหลายตลบ จนท้อ บอกเพื่อนว่า มึง ไม่ต้องไปแล้วก็ได้นะ หายากแบบนี้ หาข้าวกินที่อื่นก็ได้ แต่เพื่อนบอกว่า เออเอาหน่ามาถึงนี่แล้วก็ไปเถอะ ผมนี่เงียบกริบเลยครับ เป็นคนอยากไปเองแต่ถอดใจคนแรกซะงั้น สุดท้ายค้นพบความจริงว่า ต้องเปลี่ยนสายรถ จากสีแดงมาสีฟ้า ต้องลงที่สถานี Taipei Main Station แล้วขึ้นสายสีฟ้าต่อรถมาที่ สถานี ZhongXiao Dunhua ดูตามรูปเลยค่ะ
 

ระหว่างนั้นเพื่อนก็โทรมาบอกว่าจะมากินด้วย และถามว่า “พวกมึงจะไปกินคาเฟ่อ่ะ โทรจองกันยัง?” มันถามมาพวกเรางงเป็นไก่ตาแตก ต้องจองด้วยเหย๋ออ ยังไม่ได้จองคร้าบบบบ ต้องรบกวนลูกน้องเพื่อนเราโทรจองร้านให้ เพราะในทีมไม่มีใครพูดไต้หวันได้เลยจ้า 5555 เอาจริง ๆ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะไปกินคาเฟ่ต้องจองงด้วย อยู่ไทยร้านไหนอยากกินก็เข้าได้เลยงะ

ระหว่างทางที่เดินไปร้านก็เป็นหนทางซิกแซกงงงวย ให้ไปอีกรอบก็ไปไม่ถูกแล้ว ถ้าไม่มีลูกน้องเพื่อนคงจะอดกินแน่ ๆ ตลอดทางเป็นร้านขายเสื้อผ้าเก๋ ๆ คล้าย ๆ สยามบ้านเรา





พอไปถึงก็ไม่ผิดหวังเลย ร้านน่ารักมากกกกกกกกก ฟินสุด ๆ ถูกใจไปหมด อาหารก็น่าร้ากกกก ร้านก็น่าร้ากกก บรรยากาศได้มาก ๆ ไม่รู้จะอธิบายยังไง ลงรูปเลยละกัน


เห็นตูดสีชมพูนั่นมั๊ยยยยยยย กรี๊ดดดดดดดด
ภาพเบลอได้อารมณ์


ในที่สุดก็มาถึงล้าวววว

เจ้าของตูดสีชมพูอยู่ตรงนี้นี่เอง

มีคุณขี้โมโหอยู่ตรงข้ามโมโม

มีคุณคนนี้แอบอยู่ตรงพุ่มไม้

คุณคนนี้ทำไมตัวใหญ่จังเลย

ข้างหลังตูดสีชมพูมีแก๊งเล็ก ๆ แก๊งนึง ประกอบไปด้วย หัวนม และดอกไม้

เข้าร้าน นั่งปุป ไม่เป็นอันทำอะไร ถ่ายภาพหมูก่อน 
Xiaomi ทำหน้าที่ได้ดีเหมือนเดิมเลยลูก

ทุกคนได้จานประจำตัวคนละ 1 ใบ

 
โห้ยยย จานยังน่ารัก

หนูเอาเมนูกลับบ้านด้วยได้มั๊ยแม่

ว่าแล้วก็สั่งอาหารกันหน่อย อาหารเน้นน่ารัก
ราคาค่อนข้างแพง ให้กินบ่อยๆคงไม่ไหว แถมอ่านไม่ออกอีก เมนูภาษาจีนล้วน ไม่มีเพื่อนตายยย

ใครๆก็รักโมโมจิริ
รักมากด้วย ไม่นอกใจด้วย

ด้านในสุดของร้านจะมีหน้าจอทีวี มีตัวละครทุกตัวของ Kobito Dukan วิ่งเล่นอยู่
วิ่งไปสักพักจะมีเวลานึง ที่เค้าให้เราถ่ายรูปตัวเองแล้วหน้าเราก็จะไปปรากฎอยู่ในตัวการ์ตูนที่เราชอบ
งงไหม ดูรูปล่างเลย

อย่าถามว่าทำยังไง เพื่อนทำให้จ้าา 
แล้วไอตัวนี้มันก็จะวิ่งไปวิ่งมาที่หน้าจอ ฮามากๆ 

ดูบรรยากาศในร้านไปพลางๆระหว่างรออาหารมา








อาหารมาแล้ววววงับบบ

นมปั่น แผ่นรองแก้วนี่รักเลย

อันนี้เป็นคล้ายๆเบอร์เกอร์ เราต้องเอากระดาษรองขึ้นมาห่อแล้วกิน 
แต่ด้วยความไม่อยากมือเลอะ ข้าใช้ช้อนกินจ้าาา 5555

สปาเก็ตตี้ กับเจ้าตัวเขียว

ข้าวหน้าอะไรสักอย่าง รูปตัวหัวนม

กำลังจะเก็บตัง เค้าเอาอันนี้มาให้ ตอนแรกงง เอากระถางต้นไม้มาให้ทำไม?
จริงๆมันคือ ไอติมทีรามิสุค้าบโผมมมม เรื่องอร่อยไม่ต้องพูดถึง
เวียนกินเป็นไอติมร่วมสาบาน อร่อยมากกกกกกกกกก
เพื่อนบอกว่าเค้าเข้าใจผิดว่าเราสั่งชุดใหญ่ ถ้าสั่งชุดใหญ่จะได้จับตุ๊กตาโมโมและเพื่อนด้วย
แต่เพราะว่ามันแพง และได้ตุ๊กตาตัวเดียว แถมเลือกไม่ได้อีก เลยไม่ได้สั่งชุดใหญ่
เลยได้กินไอติมฟรีฟินเบยย


พอออกจากคาเฟ่แล้วก็เดินเตร็ดเตร่แถวนั้น ดูเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ของเล่นน หมวก ตอนอยู่ในร้านเราบ้ามาก ทุกอย่างคือน่ารักไปหมด พนักงานเลยมาบอกลูกน้องเพื่อนเราว่า ถ้าอยากได้ตุ๊กตาโมโมจิริของแท้ มีร้านนึงกำลังขายเซลล์ลดราคาอยู่ ไปดูได้นะ หึหึ..มีเรอะที่ฉันจะพลาดดด 55555 ไปซื้อมาจนได้จ้า ค่าเสียหาย 130 NT


ตุ๊กตาตัวนั้น และคุ๊กกี้!

คุ้กกี้นี้ลูกน้องเพื่อนให้ เพื่อนเรามันดับไปเล่าให้เขาฟังว่าเรามาไต้หวันเพราะอยากมาคาเฟ่นี้ ก่อนจะกลับเค้าเลยเอามาให้ โอ้ยย น่ารักอะไรอย่างนี้

ตลอดทางมีร้านขายของวัยรุ่นชิค ๆ เพียบ จัดว่าดีงาม เพื่อนเราไปได้รองเท้ามีปีกสีเงินเวอร์ ๆ มาคู่นึง 200 NT เองจ้า ถูก และ ดี ยังไม่ในโลกนะยูววว




ใครก็ได้เอาผู้หญิงคนนี้ไปเก็บที

คนนี้ก็พาไปด้วยเลย

หล่อกว่าผมก็กัปตันอเมริกาละคร้าบ





กว่าจะชอปปิ้งชมนกชมไม้เสร็จ ก็ปาเข้าไปบ่ายกว่า ๆ ละ สุดท้ายก็ไม่ได้ไปกู้กง เพราะรู้สึกว่าไปแล้วไม่คุ้ม และเวลาไม่พอ กลับบ้านเลยละกัน!

แล้วเราก็กลับบ้าน เตรียมตัวไปแช่น้ำพุร้อนเบ่ยโถว (Beitou Hot Spring)


การเดินทาง ขึ้นรถไฟฟ้าสายสีแดงจากบ้านสถานี Xinyi Anhe ยิงยาวไปถึงสถานี Beitou และเปลี่ยนรถไป Xinbeitou


นั่งกันสบาย ๆ รถไฟต่อไป สถานี Xinbeitou



ถนนใกล้ ๆ สถานี Xinbietou

เราไปถึงประมาณหกโมงครึ่ง ฟ้ามืดแล้ว การแช่น้ำพุร้อนที่เบ่ยโถว จะต้องใส่ชุดว่ายน้ำค่ะ และด้วยเหตุผลบางประการทำให้เราไม่สามารถแช่น้ำด้วยได้ กะว่าจะไปเดินเล่นรอเพื่อน แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้เดิน เพราะมืดแล้วไม่รู้จะไปไหน ต้องเข้าไปด้วยเลย การแช่น้ำพุร้อนที่นี่มีค่าเข้า 40 NT จ่ายเงินเสร็จปุป อาม่าที่อยู่ตรงทางเข้ามาบอกว่าปิดทุ่มนึงนะ อ้าวววว จะเอาตังคืนก็คงไม่ให้แล้วแหละ แล้วให้พวกตูเข้ามาเพื่อออ อีกครึ่งชั่วโมงจะปิด เดินลงมาเจอลุง ๆ ป้า ๆ ต่อคิวอาบน้ำเพียบ! จะให้พวกหนูไปอยู่ตรงไหนค้า ทุกคนเริ่มนอย ไม่อาบก็ได้ จะให้กูไปต่อคิวรอเปลี่ยนเสื้อก็หมดเวลาพอดี แต่ก็มีป้าคนนึงลงมาบอกว่า รีบ ๆ ไปเปลี่ยนเสื้อสิเดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก ด้านบนมีห้องเปลี่ยนเสื้อนะ ไปเปลี่ยนเร็ว ๆ พวกเราก็เลยได้เปลี่ยนเสื้อเร็วขึ้น ไม่ต้องไปต่อคิว ส่วนเราก็นั่งรอเพื่อนอยู่ริมบ่อ


ระหว่างทางเดินไปเบ่ยโถว

สภาพบ่อหลังจากต้อนคนออกหมดแล้ว
พอหมดเวลาทีมอาม่าก็ต้อนคนออกจากบ่อ ให้เปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำ เพื่อนเดินออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “เ-ี้ยยย เหมือนแช่น้ำคลอง น้ำดำ-ัสอะ” พอเดินออกมาเราถึงได้รู้ว่าอีบ่อนี่มันเปิดเป็น
รอบ ๆ จ้า ถ้าเรารออีกนิ้ดดด เราก็จะได้แช่น้ำใส ๆ ใหม่เอี่ยม พอเค้าต้อนคนออกมาเสร็จเค้าก็จะทำความสะอาดเปลี่ยนน้ำใหม่ ให้ใสปิ๊ง ไม่ศึกษาข้อมูลก่อนโดนแล้วไหมละมึงง




หน้าทางเข้าบ่อ ช่วงชุลมุนเพราะกำลังต้อนคนออก และคนรอบใหม่ก็ต่อแถวรอ

ข้อกำหนดในการใช้บ่อน้ำพุร้อน แปะไว้เพื่อเป็นข้อมูลค่ะ

ถนนหน้าเบ่ยโถวยามค่ำคืน

ทุกคนออกจากเบ่ยโถวด้วยอาการไม่สบายเนื้อสบายตัว เพราะแช่น้ำคลองมา 55555 แต่ยังไม่จบ ตามแผนคือเราจะต้องไปตลาดกลางคืนชื่อหลิน (Shilin Night Market) ก่อนกลับบ้าน โดยส่วนตัวแล้วเราเฉย ๆ รู้สึกว่าเหมือนตลาดนัดทั่วไปที่เราหาเดินได้ในเมืองไทย อันนี้ไม่มีอันไหนถูกใจเป็นพิเศษ ลงรูปดีฝ่า

 

น้ำสมุนไพร รสชาติแบบว่าสมุนไพร้สมุนไพร 55555

กับข้าวข้างทางมื้อแรกของเราที่ชื่อหลิน เป็นเต้าหู้หับผักจืด ๆ 

เดินมาอีกหน่อยเจอร้านตู้เกม มีให้จับตุ๊กตาแล้วก็กดกาชาปอง ขอเป็นลมแปป
กาชาปองคืออะไรที่ชอบมาก อยากได้ร้านนั้นกลับบ้าน



สตรอว์เบอร์รี่เคลือบน้ำตาล

เต้าหู้เหม็น เดินผ่านทีไรรู้สึกเหมือนมีคนตดตลอดเวลา กลิ่นตามล้างผลาญมาก


ไอติมปลา เพื่อนเราช้อบชอบ พอนางเห็นรีบวิ่งไปต่อคิวซื้อเลย
ไม่ถงไม่ถามเรื่องสุขภาพสักคำ 

อันนี้อร่อยดี เหมือนปีโป้แต่หนืดกว่า ที่ไม้ไอติมมีให้เสี่ยงโชค
ถ้าโชคดีจะได้กินฟรีอีก 1 อัน ที่รู้เพราะว่า เพื่อนผมได้ฟรีคร้าบบ
สนนราคา 10 NT
เดินตลาดกลางคืนเสร็จก็ขาลากกลับบ้าน สลบบบบ หมดไปหนึ่งวันในไทเป 

เดี๋ยวมาต่อตอนสอง นะฮ้าฟ


Comments

Popular Posts